ร.ฟ.ท.เร่งจัดมาร์เก็ตซาวดิ้งรอบใหม่ เตรียมประมูล “สถานีกลางบางซื่อ” แปลงเอ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ภายในเดือน ก.ค.นี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ด้านคมนาคมสั่งตั้งคณะทำงานจัดหารายได้ทรัพย์สิน ร.ฟ.ท. หวังเพิ่มรายได้ 10%

นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการประมูลพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีกลางบางซื่อ แปลงเอ ขนาดที่ดิน 32 ไร่ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่า ขณะนี้ ร.ฟ.ท.จะเดินหน้าจัดประชุมทดสอบความสนใจของภาคเอกนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (Market Sounding) แปลงเอ สถานีกลางบางซื่อ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เปิดให้ยื่นซองข้อเสนอแล้ว แต่กลับพบว่าไม่มีเอกชนสนใจ

“ตอนนี้เราเตรียมจะจัดมาร์เก็ตซาวดิ้งรอบใหม่ แต่ว่าติดปัญหาโควิด -19 ทำให้ยังจัดไม่ได้ แต่ด้วยกฎหมายเราก็ต้องจัดมาร์เก็ตซาวดิ้งให้ครบ 3 ครั้ง หากไม่มีเอกชนแสดงความสนใจร่วมประมูลเลย จึงจะยกเลิกการประมูล และทบทวนรูปแบบเปิดประมูลใหม่ เบื้องต้นคาดว่าจะจัดมาร์เก็ตซาวดิ้งได้ในเดือน ก.ค.นี้”

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ขณะนี้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้จัดตั้งคณะทำงานศึกษากำหนดยุทธศาสตร์การบริหารพื้นที่ และติดตามกำกับนโยบายการจัดการรายได้จากทรัพย์สินประเภท สังหาริมทรัพย์ – อสังหาริมทรัพย์ ของ ร.ฟ.ท.โดยมีนายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เป็นประธานโดยเป้าหมายของคณะทำงานฯ ดังกล่าว เพื่อติดตามและตรวจสอบการจัดสรร การใช้ทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท.ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาอาจมีการจัดทำสัญญาเช่าที่ดินที่อาจจะก่อให้เกิดประโยชน์แต่ยังไม่มากพอ เช่น สัญญาเช่าที่ดินอาจจะมีราคาประเมินที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งคณะทำงานฯ นี้ จะเข้ามาช่วยตรวจสอบ และพิจารณา เพื่อให้รายได้จากการบริหารทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท.เพิ่มขึ้นอีกละ 10%

นอกจากนี้รายได้จากการบริหารทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท.ในปัจจุบัน มีสัญญาเช่ากับเอกชนกว่า 33.2 ไร่ แบ่งเป็นสัญญาเช่าอาคาร 3,106 สัญญา และสัญญาเช่าที่ดิน 2,935 สัญญา ซึ่งจากสัญญาทั้งหมดที่มี ทำให้ ร.ฟ.ท.มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 2,858 ล้านบาท อย่างไรก็ตามที่ดินทรัพย์สินของ ร.ฟ.ท.ซึ่งอยู่ในสัญญาระหว่างเอกชน และพบว่าใกล้จะหมดอายุสัญญา คือที่ดินย่านรัชดาภิเษกกว่า 100 แปลง หรือ 100 กว่าสัญญา ตั้งแต่แยกห้างสรรพสินค้าโรบินสันเก่า ไปตลอดแนวถนนจนถึงสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ และจุดตัดถนนวิภาวดีรังสิต จะทยอยครบกำหนดปี 2565 – 2566 ร.ฟ.ท.จะมีการประเมินค่าเช่าใหม่ก่อนต่อสัญญาเช่า เนื่องจากสัญญาเช่าเดิมทำไว้เมื่อ 20-30 ปีและมีรายได้เฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท หรือมีอีกแนวทางคือการเปิดประมูลใหม่เพื่อจัดหาเอกชนร่วมทุน (พีพีพี)

“คณะทำงานจัดระเบียบทรัพย์สินชองการรถไฟฯ จะเข้ามาทำหน้าที่คล้ายกับบอร์ด แต่จะดูเฉพาะในส่วนของการหารายได้จากทรัพย์สิน ดูสัญญาเช่าที่การรถไฟฯ ทำไว้กับเอกชน ว่าสามารถหารายได้มากกว่านี้ได้หรือไม่ โดยแนวทางเพิ่มรายได้ในตอนนี้ ก็ทราบว่าอาจจะมีการรวมที่ดินแปลงใหญ่ ศึกษาเปิดพีพีพี เพื่อหารายได้ให้มากขึ้น”

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ